“ฉันพยายามบอกตัวเองว่านี่คือความจริง ฉันกลายเป็นอันดับ 1 ของโลก

วินาทีที่โฆษกในสนามประกาศคำว่า “น้ำเงิน” เซนะ อิริเอะ ก็ได้สร้างตำนานบทใหม่ให้กับวงการมวยญี่ปุ่น ด้วยการเป็นนักชกหญิงชาวญี่ปุ่นคนแรกที่คว้าเหรียญทองได้ในโอลิมปิก อย่างไรก็ดี กว่าจะมาถึงวันนี้ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เมื่อเธอต้องต่อสู้ทั้งกับแรงกดดัน ทั้งจากครอบครัวที่ไม่เห็นด้วยในตอนแรก ไปจนถึงความเชื่อที่ว่ามวยเป็นกีฬาที่ป่าเถื่อน

และถูกจำกัดไว้แค่ผู้ชาย พบกับเรื่องราวของนักสู้สาววัย 20 ปี ที่มีมังงะเป็นแรงบันดาลใจ มังงะจุดประกาย “ความบังเอิญ” คือสิ่งที่เกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัว ซึ่งบางครั้งมันก็นำมาซึ่งความยิ่งใหญ่ในเวลาต่อมา และชีวิตของ เซนะ อิริเอะ ก็เป็นเช่นนั้น เมื่อตอนประถม 2 เธอบังเอิญไปเจอกับมังงะของมามิ แม่ของเธอ ที่ชื่อว่า “กัมบาเระ เก็งกิ” หรือชื่อไทยว่า เก็งกิ ยอดนักสู้ มันคือมังงะยุคเก่าจากปลายปากกาของ ยู โคยามะ ที่ตีพิมพ์ในช่วงทศวรรษที่ 1970s โดยเป็นเรื่องราวของ เก็งกิ โฮริงุจิ เด็กหนุ่มผู้ที่อยากเป็นนักมวยเหมือนพ่อที่เสียชีวิตไปและมีความฝันที่จะก้าวขึ้นไปเป็นแชมป์โลก แม้ว่าลายเส้นของเก็งกิ อาจจะดูเก่าไปสักหน่อยสำหรับ อิริเอะ ซึ่งเป็นเด็กที่เกิดในยุค 2000s แต่เนื้อเรื่องสุดเข้มข้นของมัน ก็ทำให้เธอวางไม่ลง จนต้องไปหาซื้อเล่มที่เหลือจากร้านหนังสือมือสองมาจนครบ “เซนะไปเจอ ‘กัมบาเระ เก็งกิ’ ที่ฉันเอาไว้อ่านนาน ๆ ครั้ง ฉันไม่คิดว่าเธอจะติดการ์ตูนเรื่องนี้” มามิ แม่ของเธอบอกกับ Sports Hochi ในขณะเดียวกัน มันไม่ได้มอบแค่ความสนุกให้กับอิริเอะเท่านั้น

ufabet
แต่มันยังทำให้หนูน้อยวัย 7 ขวบตกหลุมรักในกีฬาหมัดมวยเข้าอย่างจัง และอยากจะเริ่มเล่นกีฬาชนิดนี้ เหมือนกับ เก็งกิ

ตัวเอกของเรื่อง ทว่า แม้ว่าเธอจะอยากต่อยมวยแค่ไหน แต่เธอก็ไม่กล้าเอาเรื่องนี้ไปบอกพ่อแม่ จึงทำได้เพียงเอาหนังสือพิมพ์มาทำเป็นนวม และเลียนแบบท่าชกมวยที่เห็นจากในมังงะเท่านั้น แต่ในที่สุดเธอก็ต้านทานเสียงของหัวใจไม่ไหว จึงรวบรวมความกล้าไปบอกพ่อแม่ แน่นอนในตอนแรกพวกเขาไม่เห็นด้วย โดยเฉพาะ มามิ เนื่องจากมองว่ามวยเป็นกีฬาที่รุนแรงและเป็นห่วงว่าลูกสาวจะเสียโฉม “

เนื่องจากเป็นเด็กผู้หญิง การต่อยมวยจึงอาจจะทำให้หน้าเสียโฉมได้ ฉันจึงค่อนข้างกลัว” มามิ อธิบาย แต่สุดท้ายพวกเขาก็ต้องยอมจำนน เพราะมันเป็นสิ่งที่ลูกเลือก จึงได้พา เซนะ ไปฝึกมวยกับค่าย Sugar Knuckle Boxing Gym ซึ่งเป็นค่ายเดียวของเมืองโยนาโงะ จังหวัดทตโตริ บ้านเกิดของเธอ และชีวิตของเธอก็เปลี่ยนไปนับตั้งแต่วันนั้น ความฝันวัยเด็ก อิริเอะ กับมวยดูเป็นสิ่งที่คู่กันมาแต่ชาติปางก่อน แม้ว่าช่วงแรกเธออาจจะเบื่อไปบ้าง เนื่องจากต้องฝึกตั้งแต่พื้นฐาน แต่หลังจากนั้นไม่นาน มันก็กลายเป็น “ความรัก” ที่เธอทุ่มทั้งกายและใจมอบให้ “ความฝันของฉันคือเป็นนักมวยที่เก่งที่สุดในโลก เพื่อเก่งที่สุดในโลกฉันต้องแข็งแกร่งขึ้นทั้งร่างกายและจิตใจ” อิริเอะ เขียนไว้สมัยประถม เธอรู้สึกสนุกกับการไปยิมเกือบทุกวัน และรู้สึกดีที่ได้สวมใส่นวมจริง ๆ เธอถึงขั้นมีสมุดบันทึก ที่เอาไว้จดตารางการฝึกซ้อม รวมไปถึงเมนูส่วนตัวที่ครูมวยมอบหมายมา “ยิ่งฉันฝึกมากเท่าไร ฉันก็ชกดีขึ้น มันคือความสนุก” อิริเอะ ย้อนความหลังกับ The Asahi Shimbun และตอนประถม 5 คำว่า “โอลิมปิก” ก็เข้ามาอยู่ในหัวเธอเป็นครั้งแรก หลังโตเกียว

ตัดสินใจลงสมัครขอเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันในปี 2020 ที่ทำให้เธอรู้แล้วว่าจะชกมวยไปเพื่ออะไร แถมในปีต่อมา ประตูแห่งความฝันของ อิริเอะ ก็ยิ่งเปิดกว้างขึ้น เมื่อมวยหญิงได้รับการบรรจุลงในโอลิมปิกเป็นครั้งแรกที่ ลอนดอน 2012 หลังจากเป็นกีฬาชิงเหรียญของผู้ชายมากว่า 100 ปี ยิ่งไปกว่านั้น ในโอลิมปิกครั้งดังกล่าว ยังทำให้ไฟของหนูน้อยวัย 12 ปีลุกโชนขึ้น

อ่านบทความอื่น ๆ ได้ที่ sjverticales.com สนับสนุนข่าวโดย ufabet